(22 ก.ย.68) เวลา 15.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิษณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำด้านตะวันออก ใน 4 จุดสำคัญ ได้แก่

 1. ประตูระบายน้ำพระธรรมราชาและไซฟอนพระธรรมราชา จ.ปทุมธานี

 2. ประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 (สายล่าง) เขตหนองจอก

 3. ประตูระบายน้ำบึงฝรั่ง เขตหนองจอก

 4. สถานีสูบน้ำหนองจอก เขตหนองจอก

โดยมี เจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน ร่วมให้การต้อนรับและรายงานข้อมูล ซึ่งปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปล่อยน้ำ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ปริมาณน้ำที่ จุดวัดสามโคก จ.ปทุมธานี อยู่ที่ 2,052 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนทางด้านตะวันออก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 744 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ ปล่อยน้ำในอัตรา 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีการระบายน้ำผ่าน ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ 98.60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านทางคลองรพีพัฒน์–คลอง 13 และ กรมชลประทานได้ผันน้ำผ่านระบบคูคลองลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และทางด้านตะวันออกลงสู่แม่น้ำบางปะกง ขณะนี้สถานการณ์น้ำที่จะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครยังอยู่ในเกณฑ์ปกติและยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้ สำนักการระบายน้ำติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก พร้อมเร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำในคลองอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ กระสอบทราย เจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับทั้ง ปริมาณน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน ลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล